รีวิว The Tomorrow War (2021)

The Tomorrow War อีกหนึ่งเรื่องราวของภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นไซไฟ ที่เรียกได้ว่าเป็นหนังโปรแกรมทองลงบ็อกลัสเตอร์ออฟฟิเชี่ยลเลยทีเดียว จากก่อนหน้านี้ที่มีแพลนว่าจะเข้าฉายในช่วง 2020 แต่ปรากฏว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ไปทั่วโลก จนทำให้ทางค่ายหนังตัดสินใจย้ายมาฉายผ่านระบบสตรีมมิ่งออนไลน์ รับชมกันแบบเต็มอิ่มสุดๆ ทั้งความดุเดือด และมันส์แบบจัดเต็ม ที่ถึงแม้ว่าตัวพล็อตเรื่องจะมีสูตรสำเร็จแนวเดิมสไตล์เดิม จากหนังแอ็คชั่นเรื่องอื่นทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำออกมาได้อย่างมีระดับที่ดีมากๆ จนทำให้ผู้ชมอย่างเรารู้สึกว่านี่แหละคือหนังแอ็คชั่นที่มันส์เดือดของจริง

 

สำหรับ The Tomorrow War จะว่าถึงโลกปัจจุบันที่ผู้คนสามารถติดต่อกับโลกอนาคตได้มากกว่า 30 ปี จนทำให้ได้ล่วงรู้ว่ามวลมนุษยชาติกำลังจะสูญพันธุ์ อันเป็นผลมาจากการรุกรานของสัตว์ต่างดาวที่หวังเข้ามายึดครองโลก จึงทำให้ทางการต้องร่วมมือในการเกณฑ์หน่วยจู่โจม ในการมาต่อสู้กับเหล่าสัตว์ร้าย ที่ไม่มีใครเพิ่มได้เลยว่ามันมาจากที่ไหนและข้อมูลคืออะไรกันแน่ ในขณะเดียวกัน แดน ฟอร์เรสเตอร์ ชายหนุ่มหัวหน้าครอบครัวที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ณ โรงเรียนไฮสคูลแห่งหนึ่ง ก็ถูกเกณฑ์ให้ร่วมเดินทางข้ามภพข้ามเวลาไปยังสมรภูมิในปี 2051 และต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมากมายที่ไม่คิดว่าจะสามารถกลับมามีชีวิตรอดได้ ขณะเดียวกันก็มีความหวังสุดท้าย จากนักวิทยาศาสตร์หญิง ที่เชื่อว่ามีวิธีการเอาชนะและรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์ไว้ได้

 

ต้องบอกเลยว่านี่คือหนังแอ็คชั่นจากผลงานกันกำกับของ คริส แม็คเคย์ ที่จากเรื่องแรกนั้นได้พลิกจากอนิเมชั่นสุดน่ารักกลายมาเป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นไซไฟสุดยิ่งใหญ่ ซึ่งก็ได้ร่วมงานกับมืออาชีพอีกมากมาย หากวิเคราะห์ดูแล้วเราจะเห็นว่างานสร้างและองค์ประกอบต่างๆ ถือว่าอลังการทีเดียว แม้จะมีข้อผิดพลาดบ้างเล็กน้อยแต่ก็รู้สึกว่าโดยรวมแล้วค่อนข้างเพอร์เฟค ซึ่งเสียงวิจารณ์บางส่วนก็มองว่าสัตว์ประหลาดและเอเลี่ยนกลายพันธุ์ต่างๆ นั้น ดูไม่ค่อยสมจริงไปบ้างในบางฉาก แต่อันที่จริงก็ถือว่าโดยรวมทำได้ดีมากแล้ว

 

ด้านพล็อตของเรื่อง The Tomorrow War นั้นก็ค่อนข้างจะเป็นสูตรสำเร็จของหนังแอ็คชั่นอยู่เหมือนกัน แต่ทว่าเมื่อดูภาพรวมแล้วกลับรู้สึกว่าเป็นหนังแอ็คชั่นที่ทำออกมาได้หรือติดใจ ลุ้นตื่นเต้นทีเดียว บวกกับการมีปมดราม่าเข้ามาให้เรื่องราวมีความเข้มข้นและช่วยเพิ่มอรรถรสให้กลมกล่อมมากขึ้น จนรู้สึกว่าอาจจะไม่ใช่หนังแอ็คชั่นที่บู๊แหลกอย่างเดียว แต่มันกลับมีครบทุกรสชาติ จนทำให้ถึงแม้จะเป็นสูตรสำเร็จตามพล็อตเรื่องก็จริง แต่โดยรวมกับทำออกมาได้ดีกว่าหลายเรื่อง แม้บางช่วงอาจจะเล่าได้ค่อนข้างช้าไปหน่อยจนหลายคนไม่ค่อยพอใจ แต่ส่วนตัวก็มองว่าทำออกมาได้จนไม่ได้ติดขัดอะไร

 

ด้วยความที่เป็นหนังแอ็คชั่นที่ผสมผสานกับความเป็นไซไฟแบบจ๋าๆ เราก็คงไม่ต้องสรรหาความสมจริงอะไรจากเรื่องราวนี้กันแล้ว ให้ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความมันส์สะใจไปเลยจะดีกว่า ซึ่งเราจะได้เห็นฉากที่เวอร์เกินจริง ตัวละครรอดตายอย่างฉิวเฉียด หรือการที่รู้สึกได้ถึงโทนหนังดังหลายๆเรื่อง อย่างเรื่องเอเลี่ยน ที่มีตัวสัตว์ประหลาดต่างดาวมาแจมนั่นเอง หรือจะเป็นความไฮเทคทันสมัยในแบบ Transformer หรือ Armageddon จนผสมโรงแล้วออกมาเป็นเรื่องนี้ก็ว่าได้ ซึ่งต้องชื่นชมให้กับนักแสดงนำของเราอย่างพี่คริสต์ ที่ถือว่าแกค่อนข้างแบกเรื่องราวได้ตลอดจนจบ จังหวะจากโคนและการ เล่นกับฉากต่างๆ ของพี่แกนั้นบอกเลยว่าเข้ากับบทบาทมาก มีความเป็นมืออาชีพจริงๆ

 

สำหรับภาพรวมของ The Tomorrow War อาจจะรีแคปสั้นๆ ได้ว่า เป็นหนังแนวแอคชั่นแซวไฟล์ที่ทำให้เราได้เห็นการไล่ล่าของเอเลี่ยน และการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ที่ได้ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ฟิลลิ่งที่ต้องหนีตายเอาชีวิตรอด สนุก ตื่นเต้น และลุ้นระทึกตลอดทั้งเรื่องราว แถมยังมีปมเรื่องราวที่ดราม่าเข้มข้น เสียดายอย่างเดียวที่เป็นหนัง blockbuster แต่ไม่ได้ฉายเข้าโรงภาพยนตร์ ไม่อย่างนั้นแล้วผู้ชมน่าจะได้ รับชมบนจอใหญ่ IMAX แบบจัดเต็ม ฟินสุดล้ำกว่านี้แน่นอน