รีวิว Prey (2022)

Prey ภาพยนตร์สยองขวัญแนวไซไฟจากผลงานกำกับโดย Dan Trachtenberg ภาคแยกของแฟรนไชส์ชื่อดังตลอดกาลอย่าง Predator เดิมทีมีกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ แต่ถูกเลื่อนฉายมาฉายทางสตรีมมิงแทนบน Hulu เล่าเรื่องราวถึงดินแดนของชนเผ่าโคแมนซี รัฐเท็กซัส เมื่อปี 1719 นารุ เด็กสาวโคแมนซีผู้ใฝ่ฝันจะเป็นนักรบ ออกตามล่าวัวกระทิงเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้พ่อของเธอยอมรับ แต่เธอกลับได้พบกับสิ่งมีชีวิตปริศนาที่ทรงพลังและอันตราย นั่นคือพรีเดเตอร์ สุดลึกลับ

หนังเริ่มต้นด้วยฉากการล่าวัวกระทิงของชนเผ่าโคแมนซี นารุ เด็กสาวโคแมนซีผู้ใฝ่ฝันจะเป็นนักรบ ออกตามล่าวัวกระทิงเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้พ่อของเธอยอมรับ เธอใช้ความเฉลียวฉลาดและไหวพริบเอาชนะวัวกระทิงได้อย่างสำเร็จ แต่ระหว่างทางกลับค่าย เธอกลับได้พบกับสิ่งมีชีวิตปริศนาที่ทรงพลังและอันตรายที่เรียกว่าพรีเดเตอร์

พรีเดเตอร์เป็นสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่เดินทางมายังโลกเพื่อล่ามนุษย์ พรีเดเตอร์มีร่างกายที่แข็งแกร่ง อาวุธที่ล้ำสมัย และทักษะการล่าที่เหนือมนุษย์ นารุต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากพรีเดเตอร์ให้ได้ เธอต้องอาศัยความรู้และทักษะการเอาตัวรอดของชนเผ่าโคแมนซี รวมถึงความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงของเธอ และตลอดทั้งเรื่องต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย เธอต้องต่อสู้กับพรีเดเตอร์หลายต่อหลายครั้ง จนบางครั้งก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เธอก็ไม่เคยยอมแพ้ ใช้ความกล้าหาญ ไหวพริบ และทักษะการเอาตัวรอดของเธอเอาชนะพรีเดเตอร์ได้ในที่สุด

Prey เป็นภาพยนตร์สยองขวัญเอาชีวิตรอดที่มีความโดดเด่นดีมากๆ ตั้งแต่การใช้พื้นฐานเรื่องยู่ในดินแดนของชนเผ่าโคแมนซี ที่โยงไปถึงเรื่องในตำนานอย่างพรีเดเตอร์ ทำให้ภาพยนตร์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและแตกต่างจากภาพยนตร์พรีเดเตอร์ภาคอื่นๆ ที่ผ่านมา โดยผู้ชมจะได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละคร นารุ หญิงที่แข็งแกร่งและกล้าหาญ เธอเป็นตัวแทนของชนเผ่าโคแมนซีและแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผู้หญิง สิ่งนี้ทำให้ภาพยนตร์มีความน่าสนใจและน่าติดตามมากขึ้น

อีกเรื่องคือการใช้ฉากแอคชั่นที่สมจริงและดุเดือดมาก จะเห็นได้ว่าการเน้นไปที่การต่อสู้ระหว่างนารุและพรีเดเตอร์ ตื่นเต้นเร้าใจ ลุ้นระทึกไปกับการเอาชีวิตรอดให้ได้ ซึ่งงานซีจีต่างๆ ก็ใส่มาเต็มมากจนเหมือนจริงทุกอย่างเลยนั่นเอง แต่ด้วยความที่ตัวหนังอาจจะสั้นเกินไปหน่อย จึงทำให้รู้สึกเหมือนเร่งเรื่องราวตัดจบมากเกินไป ทั้งๆ ที่ก็สามารถเล่าได้ในอีกหลายๆ มุมด้วยซ้ำ ก็น่าเสียดายในจุดนี้เหมือนกัน

โดยรวมถือว่า Prey เป็นการนำเอาเรื่องราวของพรีเดเดอร์ มาเล่าในมุมใหม่ที่แตกต่างมากขึ้นกว่าการที่ต่อสู้กับเอเลี่ยนแบบเดิมๆ อย่างในหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา ซึ่งก็ถือว่าทำออกมาดีมากๆ ใครที่เป็นแฟนหนังเอเลี่ยนพรีเดเตอร์อยู่แล้วก็ไม่ควรพลาด แต่เตือนไว้ก่อนว่ามีฉากความรุนแรงอยู่พอสมควร ฉากการฆ่าฟันในเรื่องซึ่งอาจไม่เหมาะกับผู้ชมที่อ่อนไหวได้